11 พฤศจิกายน 2553

ต้มยําไก่บ้าน

ต้มยำไก่บ้าน
วันนี้มีสูตรต้มยําไก่บ้านมานำเสนอครับ ไก่บ้านคือไก่พื้นเมืองที่นิยมเลี้ยงกันตามบ้าน ไก่บ้านจะมีรสชาติอร่อยไม่มีมันมากเหมือนไก่ที่เลี้ยงจากฟาร์มไก่ ไก่บ้านจึงมีรสชาติเฉพาะตัว
วิธีเลือกซื้อเนื้อไก่บ้าน หนังไก่ต้องสด บาง และไม่แห้ง หรือเหลวเละ สีไม่ซีด ไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่มีรอยช้ำ วิธีสังเกตุไก่อ่อนคือ ถ้ารูขนปุ่มใหญ่จะเป็นไก่แก่
ปุ่มเล็กจะเป็นไก่อ่อน เมื่อกดที่กระดูกปลายอก ถ้านิ่มและกดลงไปแล้วจะเป็นไก่อ่อน ถ้าเดือยและหงอนยาวจะเป็นไก่แก่ไก่หนุ่ม ไก่สาวนั้น รสจะดีกว่าไก่อ่อนและไก่แก่
ไก่อ่อนจะมีขนอ่อน ๆ เล็บคมยาว กระดูกอ่อนตีนอ่อน ผิวจะเรียบ

เมื่อเลือกได้แล้ว ก่อนที่จะนำมาปรุงอาหารให้เรานำไก่ไปลนไฟเสียก่อน เพื่อให้หนังไก่ตึง และขนอ่อนๆ จะได้หมดไปจากตัวไก่ จากนั้นทาด้วยน้ำมะนาวให้ทั่วตัวไก่ ทิ้งไว้สัก 30 นาที จะทำให้ไก่มีเนื้อนุ่มและรสหวานเพิ่มขึ้น

ส่วนผสมต้มยำไก่บ้าน
ไก่บ้าน (เลือกใช้ไก่อ่อน) 1 ตัว
ข่า 1 แง่ง
ตะไคร้ 1 ต้น
ใบมะกรูดฉีก 4-5 ใบ
ผักชีฝรั่งหั่นหยาบๆ
ใบกะเพรา 1 กำ
ผักชี 1 ต้น
พริกขี้หนูสวน 10 เม็ด
หอมแดง 2-3 หัว
มะเขือเทศ 3 ลูก
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล
น้ำมะขาม
น้ำปลา 2-3 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 4 ถ้วย

วิธีทำต้มยำไก่บ้าน
1.นำไก่บ้านมาผ่าท้องล้างทำความสะอาด แยกเครื่องในล้างให้ดี หั่นไก่เป็นชิ้นๆ ขนาดพอดีคำ
2.ใส่น้ำในหม้อตั้งไฟให้เดือด (ถ้าเป็นน้ำซุปจะทำให้รสกลมกล่อม)
3.ใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดลงพริกขี้หนูลงไป พอน้ำเดือดได้กลิ่นหอมดีแล้ว ใส่ไก่บ้านสับลงไปต้มต่อพอสุก
4.โขลกพริกขี้หนูและหัวหอมพอแตกใส่ลงไป เติมรสชาติเปรี้ยวของมะนาว มะขามเปียก(หรือใช้ใบมะขามอ่อนก็ได้) และน้ำปลา ชิมรสตามใจชอบ ปิดไฟ ใสใบกะเพราโรยหน้า พร้อมเสิร์ฟ

ขอบคุณภาพจาก:http://www.vitara4x4.com/

2 กันยายน 2553

ต้มแซ่บกระดูกอ่อนหมู

ต้มแซ่บกระดูกอ่อนหมู


ต้มแซ่บกระดูกอ่อนหมู เป็นเมนูที่รสชาติ จี๊ดจ๊าด ซดคล่องคอ เหมาสำหรับคนที่ชอบอาหารรสจัด ประโยชน์ของเนื้อหมูคือ ได้โปรตีนที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและกระดูก ช่วยในการเจริญเติบโตของสมอง สร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง ที่ช่วยนำสร้างอาหารไปสู่ส่วนต้มแซ่บกระดูกอ่อนหมูต่างๆของร่างกาย
ส่วนผสม
กระดูกอ่อนติดเนื้อ 2 ถ้วย
ตะไคร้ 2 ต้น
ข่าหั่น 6 แว่น
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
ใบโหระพา 1 ถ้วย
ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะง
ใบมะกรูด 3 ใบ
พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
ผักชีฝรั่งหั่นหยาบๆ 1/2 ถ้วย

วิธีทำ
1.นำหม้อตั้งไฟใส่น้ำเปล่า 2 ใน3 ของหม้อ ตั้งให้น้ำเดือด
2.พอน้ำเดือดจัดๆใส่ข่า ตะไคร้ทุบ ใบมะกรูดลงไป จากนั้นใส่กระดูกหมู ต้มจนกระดูกหมูสุกดี
3.พอกระดุกหมูเปื่อยได้ที่ ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำมะนาว พริกป่น ข้าวคั่ว ชิมให้ออกรส เปรียวนำ เผ็ดตาม หอมกลิ่นข้าวคั่ว ปิดไฟ
4.ตักใส่ชาม โรยหน้าด้วย ใบผักชีฝรั่งซอย และใบโหระพา เพื่อให้กลิ่นหอม น่ากิน


*** เคล็ดลับ
ถ้าจะอร่อยยิ่งขึ้นควรตุ๋นกระดูกหมูให้เปื่อยยุ่ยก่อนนำมาต้ม ควรตุ๋นด้วยไฟอ่อนๆประมาณ 2 ชั่วโมง พริกป่นและข้าวคั่วต้องทำใหม่ๆจะยิ่งอร่อยยิ่งขึ้น

21 สิงหาคม 2553

ต้มยำกุ้งมะพร้าวอ่อน






ต้มยำกุ้งมะพร้าวอ่อน



ต้มยำกุ้งมะพร้าวอ่อน
เมนูนี้เป็นสูตรที่ นิยมสั่งกันมากเพราะมีความอร่อย โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่มาเที่ยวเมืองไทยติดใจสูตร ต้มยำกุ้งมะพร้าวอ่อนนี้มาก ต้มยำกุ้งเป็นอาหารประจำชาติที่เลื่องชื่อมากๆ ใครมาเที่ยวเมืองไทย เป็นต้องหาลองชิม ไม่งั้นก็แสดงว่ามาไม่ถึงเมืองไทย

ส่วนผสม
กุ้งแม่น้ำ 6 ตัว
นมข้นชนิดจืด ½ ถ้วย
มะพร้าวอ่อน 1 ลูก
ข่าหั่น 5-6 แว่น
ตะไคร้ทุบ 2 ต้น
ใบมะกรูดฉีก 3 ใบ
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
ผักชีหั่น 1 ต้น

วิธีทำ
1.นำมะพร้าวมาเฉาะเอาน้ำและขูดเนื้อออก เตรียมไว้ เวลาเฉาะต้องเปิดฝามะพร้าวให้สวยงาม
2.นำกุ้งมาผ่าหลังเอาเส้นดำออก ไม่ต้องแกะหัวและหาง
3.นำน้ำมะพร้าวลงใส่หม้อข่า ตะไคร้ ตั้งไฟพอน้ำเดือด ใส่กุ้งลงไปตามด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อนและนมข้นจืด
4.พอน้ำเดือด ให้ใส่พริกเผา และปรุงรสด้วย น้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาลทราย ชิมรส ให้ออกเปรี้ยวนำ เค็ม หวานตาม เสร็จแล้วปิดไฟ โรยหน้าด้วยผักชี
5.ตักต้มยำใส่ลงในกะลามะพร้าวที่ผ่า เอาเนื้อและน้ำออกแล้ว แต่งให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ

ต้มยำกุ้งมะพร้าวอ่อน
เคล็ดลับความอร่อย
ควรเลือกซื้อกุ้ง แม่น้ำที่สดใหม่ เลือกตัวที่หัวติดกับลำตัวแน่น สีของเปลือกกุ้งต้องเป็นสีธรรมชาติ คือ ใส เนื้อแน่นแข็ง

ประโยชน์ของน้ำมะพร้าว
น้ำมะพร้าวจะมีเกลือแร่จากธรรมชาติหลายชนิด การดื่มน้ำมะพร้าวจะช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้ นอกจากนี้น้ำมะพร้าวยังช่วยให้ผิวพรรณสดใส

14 สิงหาคม 2553

ต้มยำปลาช่อน

รูปต้มยำปลาช่อนน้ำใส
ต้มยำปลาช่อนน้ำใส
วิธีทำต้มยำปลาช่อน มีทั้งแบบน้ำข้นและน้ำใส ลองมาดูวิธีทำต้มยำปลาช่อนแบบน้ำใสกัน


เครื่องปรุง
• ปลาช่อนขนาดประมาณ 5 ขีด 1 ตัว
• ข่าหั่นแว่น 6 แว่น
• ตะไคร้ทุบ 2 ต้น
• ใบมะกรูดฉีก 3 ใบ
• ใบกะเพรา 1 ถ้วย
• พริกขี้หนูทุบ 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. นำหม้อใสน้ำประมาณ 1 ใน 3 ของหม้อ ตั้งไฟจนเดือด
2. ใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ลงไป
3. รอจนน้ำเดือดจัด แล้วจึงใส่ปลาช่อนลงไป ต้มจนเนื้อปลาสุก
4. ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำมะนาว ชมรสให้ออกเปรี้ยวนำ เค็มตา
5. ใส่พริกขี้หนูทุบและใบกะเพรา ปิดไฟ เสิร์ฟร้อนๆ

7 สิงหาคม 2553

ประเภทของต้มยำ

ต้มยำ
ประเภทของต้มยำ
ต้มยำเป้นอาหารพื้นเมืองที่คนไทยคุ้นเคยกันดี เพราะคนไทยกินกันทุกภาค เป็นอาหารที่ชาวต่างชาตินิยมสั่งกันอยู่ไม่น้อย
หนึ่งในเมนูต้มยำที่ดังกระฉ่อนระดับโลก คือต้มยำกุ้ง ต้มยำเป็นอาหารที่ครบรส คือ เปรี้ยว เค็ม เผ็ด หวานเล็กน้อย ทำให้ไม่เลี่ยน ไม่ฝืดคอเวลากิน ต้มยำประกอบไปด้วย
สมุนไพร หลากหลาย ซึ่งดีต่อสุขภาพ ได้แก่ ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด พริก มะนาว หรือ บางเมนู อาจจะมีใบกะเพรา ผักชีฝรั่งและโหระพาร่วมด้วย
นอกจากนี้ยังมี เห็ด ต่างๆรวมทั้ง มะเขือเทศ ผักชี ต้มยำปรุงจากเนื้อสัตว์ ต่างๆได้มากมาย ทั้ง หมู ไก่ ปลา กุ้ง หรือเนื้อวัว ฯลฯ
ต้มยำพอจะแบ่ง ออกเป็น 2 ประเภทได้แก่

1.ต้มยำน้ำใส
ต้มยำน้ำใสนั้นถือได้ว่าเป็นต้นตำรับของต้มยำ เพราะอาหารไทยในอดีตนั้นมักจะไม่ใส่นมหรือกะทิและมักจะปรุงกันอย่างง่ายๆ
ไม่มีเครื่องปรุง อะไรมากมายนัก ถ้าเป็นทางภาคอีสานก็จะต้องเป็นต้มแซบที่ใส่พริกแห้ง และข้าวคั่วลงไปในหม้อต้มนั้นด้วย
โดยต้มยำน้ำใสจะมีส่วนประกอบหลักๆ คือ เนื้อสัตว์ เช่น กบ ปลาช่อน ไก่บ้าน ฯลฯ และจะมีเครื่องเทศหลักๆ คือ ตะไคร้ ใบมะกรูด พริก
ทั้งสดและแห้ง ข่า เป็นต้น ซึ่งส่วนประกอบที่ได้มานั้นเป็นทั้งเครื่องเทศที่ช่วยในการชูรส ชูกลิ่นของอาหาร อีกทั้งยังเป็นสมุนไพรอีกด้วย

2. ต้มยำน้ำข้น
ต้มยำที่หลายคนเคยชินกันดี และยังเป็นต้มยำที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับอาหารไทยโด่งดังไปทั่วโลก หลายคนอาจจะคิดว่า
ต้มยำกุ้งน้ำข้นคือต้มยำแบบไทยแท้ แต่แท้จริงแล้วจากประวัติต้มยำกุ้ง ที่เปลี่ยนมาใส่นมกินอย่างน้ำข้นนั้น เริ่มในสมัยรัชกาลที่ 6
ช่วงที่ท่านเสด็จประพาสไปเสวยเหลาแถวสามย่าน สมัยนั้นมีเสหลาของคนจีนเข้ามาใหม่ร้านหนึ่ง เหลาแห่งนั้นทำต้มยำกุ้งใส่นมเป็นน้ำข้น
ใครรุ่นนั้นที่ไฮโซก็ต้องไปกินเหลาร้านนี้ก็จะติดภาพต้มยำกุ้งของไทยต้องใส่นม จริงๆ ไม่ใช่ต้มยำกุ้งดั้งเดิม จริงๆ จะเป็นแบบน้ำใส
และคงเป็นเพราะนมหรือกะทิที่มีการใส่ลงไปในต้มยำ จนทำให้ต้มยำน้ำข้นนั้นคล้ายคลึงกับซุปของชาวต่างชาติที่นิยมใส่นม หรือใส่ครีมลงไป
จึงทำให้ต้มยำกุ้งน้ำข้นของไทยเราโด่งดังไปทั่วโลก

29 กรกฎาคม 2553

ต้มโคล้งปลากรอบใส่หัวปลี

ต้มโคล้งปลากรอบใส่หัวปลี


ส่วนผสม
ปลากดรมควัน หักเป็นชิ้นพอคำ 2 ตัว
หัวปลีขนาดหย่อมๆ 1 หัว
ใบมะกรูดฉีก 2 ใบ
ข่าอ่อนหั่นบาง 5 ชิ้น
น้ำเปล่า 3 ถ้วย
ตะไคร้หั่นท่อนทุบ 2 ต้น
หอมแดงทุบ 4 หัว
น้ำปลา 2 1/2 ช้อนโต๊ะ
เกลือสมุทร1/2 ช้อนชา
น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
ผักชีฝรั่งหั่น 1 ต้น
พริกขี้หนูแห้งคั่วหักครึ่ง 5 เม็ด
ต้นหอมหั่น 1 ต้น

วิธีทำ
1.ปอกหัวปลีออกจนถึงเปลือกสีขาว นำไปต้มทั้งหัวในหม้อน้ำเดือดด้วยไฟแรงจนสุก
2.จากนั้นนำหัวปลีมาผ่าเป็น 4 ชิ้นตามยาว หั่นให้เป็นชิ้ันพอคำ ใส่จาน รอไว้ก่อน
3.ตั้งหม้อส่น้ำ ด้วยไฟกลางให้เดือด ใส่ตะไคร้ ใบมะกรูด ข่า และหอมแดง เคี่ยวสักครูจนมีกลิ่น
หอม ใส่ปลากดรมควัน หัวปลี เคี่ยวสักพักให้สุกหอม
4.ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำมะขาเปียก เกลือ ชิมรลให้เปรี้ยวเค็มกลมกล่อม ใส่ผักชีฝรั่ง พริกแห้งคั่ว แล้วต้นหอมหั่น ปิดไฟ
5.ตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ

6 กรกฎาคม 2553

ต้มแซบหมูตุ๋น



ต้มแซบหมูตุ๋น
ต้มแซบหมู อาหารรสชาติจัดจ้าน ซดคล่องคอจะเป็นอาหารหรือเป็นกับแกล้มก็รสชาติจิ๊ดจ๊าดถูกปากใครหลายๆคน จะทำขายหรือทำกินเองที่บ้านก็ได้
ส่วนประกอบไม่ยุ่งยาก มีสมุนไพรรสชาติเผ็ดร้อน ที่ดีต่อสุขภาพหลายชนิดเป็นส่วนประกอบ

ส่วนผสม
กระดูกหมูคาตัง 500 กรัม
ขาหมูขาหน้าเลาะเอากระดูกและหนังออก 1 ขา
เกลือสมุทร 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำ 6 ถ้วยตวง

เครื่องปรุงสำหรับ 1 ชาม

หมูตุ๋นและน้ำซุป 2 ถ้วย
ใบมะกรูดฉีก 1 ใบ
หอม แดง หั่น 3 หัว
น้ำปลา 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
ข่าหั่นแว่น 4 แว่น
ตะไคร้หั่นเฉียง 1 ต้น
ผักชีฝรังหั่นท่อนขนาด 2 ต้น
โหระพาเด็ดใบ 1/4 ถ้วย
พริกขี้หนูคั่วป่น 1/2 ช้อนชา
พริกขี้หนูแห้งทอด
ต้นหอมสำหรับตกแต่ง

วิธีทำ
1. ก่อนอื่นต้องมาทำหมูตุ๋น โดยล้างกระดูกหมูใส่ลงในหม้อ จากนั้นหั่นเนื้อขาหมูเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาด 1 นิ้ว ใส่ลงในหม้อเติมน้ำลงไป ยกหม้อขึ้นตั้งบนไฟปานกลางเดี่ยวจนเดือด หมั่นช้อนฟองทิ้งจนน้ำซุปใส ปรุงรส ด้วยเกลือและน้ำตาลทราย เคี่ยวนานประมาณ 1ชั่วโมงครึ่ง หรือจนเนื้อขาหมูเปื่อยนุ่ม
2. ปรุงต้มแซบต่อ 1 ชาม โดยตักหมูตุ๋นและน้ำซุปใส่ลงในหม้อตั้งบนไฟกลางจนเดือด ใส่ ข่า ตะไคร้ ใบมะกูรด หอมแดง เคี่ยวต่ออีกสักครู่พอมีกลิ่นหอม ปรุงรสด้วย น้ำมะนาว น้ำปลา เผ็ด ชิมรสให้เปรี้ยวเค็มกลมกล่อม ใส่ผักชีฝร่ง ปิดไฟ
3. เตรียมชามเสิร์ฟ ตักต้มแซบหมูตุ๋นร้อนๆใส่ ใส่พริกขี้หนูแห้งทอด ใส่พริกป่นและใบโหระพาโรยหน้า ตกแต่งด้วยต้นหอมเสิร์ฟ ร้อน ๆ กอินกับข้าวสวยร้อนๆหรือ เป็นกับแกล้มก็อร่อยถูกใจ